การสมรสครั้งที่สอง ของ เอเลนอร์ เดอ แคลร์

สองปีต่อมาเอเลนอร์ได้รับการปล่อยตัว ในปี ค.ศ. 1329 เอเลนอร์ถูกวิลเลียม ลา ซอชลักพาตัวไปจากปราสาทฮันลีย์ในวูร์สเตอร์เชอร์เพื่อไปสมรสกับเขา ลา ซอชเป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ของโรเจอร์ มอร์ติเมอร์ เขาเป็นหนึ่งในคนที่จับกุมตัวฮิวจ์ เดสเปนเซอร์ในเวลส์ตอนใต้และมีส่วนในการปิดล้อมบุตรชายของเอเลนอร์ที่คายร์ฟิลลีในช่วงปลายปี ค.ศ. 1326 หรือต้นปี ค.ศ. 1327 เอเลนอร์ไม่ใช่หญิงตระกูลเดอ แคลร์คนเดียวที่ถูกลักพาตัว เอลิซาเบธ น้องสาวของเอเลนอร์ก็ถูกลักพาตัวไปสมรสกับตีโบ เดอ แวร์ดง และในปลายคริสต์ทศวรรษ 1330 มาร์กาเร็ต ออดลีย์ หลานสาว (ลูกของพี่น้อง) ของเอเลนอร์ซึ่งเป็นบุตรสาวของมาร์กาเร็ต น้องสาวของเธอก็ประสบกับชะตากรรมแบบเดียวกัน เมื่อเธอถูกราล์ฟ สแตฟฟอร์ดลักพาตัว

ไม่มีใครรู้ว่าเอเลนอร์เต็มใจสมรสหรือไม่ แต่เธอดูมีความสุขดีกับวิลเลียมและไม่ได้ร้องเรียนต่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 เพื่อขอให้การสมรสเป็นโมฆะซึ่งเธอมีสิทธิ์ทำได้ในทางกฎหมาย เอเลนอร์มีบุตรให้สามีคนที่สองสองคน คือ

  • วิลเลียม เดอ ลา ซอช (เกิด ค.ศ. 1330) เป็นพระที่วิหารกลอสตันบรี
  • จอยส์ ซอช (เกิด ค.ศ 1331) สมรสกับจอห์น เดอ โบเตอตูต์ ลอร์กโบเตอตูต์ที่ 2

โชคดีเป็นของเอเลนอร์เมื่อโชคชะตาพลิกผัน พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 น้อยขึ้นมาท้าทายอำนาจของพระราชมารดาและคนรักในปี ค.ศ. 1330 เอเลนอร์ร้องเรียนต่อลูกพี่ลูกน้องของเธอทันทีว่ามอร์ติเมอร์ข่มขู่และกลั่นแกล้งจนเธอต้องยอมลงนามสละสิทธิ์ในที่ดิน พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดรับฟังและคืนแกลมอร์แกนให้แก่เธอ

เอเลนอร์อายุยืนกว่าสามีคนที่สองของเธอ เธอถึงแก่กรรมในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1337 ด้วยวัย 44 ปี ร่างของเธอถูกฝังที่วิหารทูว์กสบรีร่วมกับบรรพบุรุษและลูกหลานอีกหลายคน เธอกับฮิวจ์ เดสเปนเซอร์ และฮิวจ์ซึ่งเป็นบุตรชายของทั้งคู่ เป็ผู้อุปถัมภ์ใหญ่ของวิหาร

ใกล้เคียง

เอเลนอร์แห่งอังกฤษ สมเด็จพระราชินีแห่งกัสติยา เอเลนอร์ เดอ แคลร์ เอเลนอร์แห่งนอร์ม็องดี เอเลนอร์ มาร์กาเร็ต กรีน เอเลนอร์ โรเซอเวลต์ เอเลนอร์แห่งออสเตรีย สมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศส เอเลนอร์แห่งอังกฤษ เคานเตสแห่งเลสเตอร์ เอเลนอร์แห่งอังกฤษ เคาน์เตสแห่งบาร์ เอเลนอร์แห่งอารากอน สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส เอเนอร์เจีย